วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อบทบาทผู้นำในยุคโลกาภิวัฒน์
“อินเทอร์เน็ตกำลังผลักดันใหห้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของโลกที่เรียกว่า เศรษฐศาสตร์เครือข่าย (Network Economy) และเป็นระบบการค้าที่ไร้พรมแดน”กรีน สแปน ผู้ว่าการธนาคารสหรัฐฯ กระแสการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เป็นเงื่อนไขใหม่ของโลกที่ส่งผล กระทบกับสังคมไทย เทคโนโลยีสารสนเทศ กำลังเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนแห่งระบบ บทบาทขององค์การต้องปรับเปลี่ยน ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ มีความเข้าใจในการประสานด้านเทคโนโลยีกับการบริหารองค์การสมัยใหม่ ซึ่งเป็น การบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Result-base Management) เพื่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผลที่เป็นรูปธรรม และสามารถวัดได้ การวางแผนเชิงกลยุทธ์ ด้านเทคโนโลยี การเลือกสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสม ที่เอื้อต่อการวางแผนและการจัดการขององค์การ ประเทศไทยกับนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยความจำเป็นและกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคณะ กรรมาการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเพื่อการส่งเสริม เผย แพร่เทคโนโลยี จึงได้ประกาศใช้นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศฉบับแรกที่เรียกว่า IT – 2010 โดยได้จัดทำนโยบายไอที 2000 และเสนอภารกิจที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ 3 ประการ1. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศแห่งชาติ2. การลงทุนในด้านพัฒนาคุณภาพของพลเมือง3. การลงทุนในการบริหารและบริการภาครัฐที่ดีได้ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2539 โดยมีระยะเวลา 5 ปี และเพื่อเป็นการต่อเนื่องในเดือนตุลาคม 2544 จึงได้จัดทำแผนแม่บทด้านเทคโนโลยี สารสนเทศฉบับที่ 2 ซึ่งจะครอบคลุมกรอบเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2544-2553) หรือ IT-20101 ขึ้น โดยให้ความสำคัญกับบท บาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่เน้นการพัฒนาด้าน IT ใน 5 สาขา ได้แก่1. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐ (e- Government)2. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรม (e-Industry)3. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใน ภาคการพาณิชย์ (e-Commerce)4. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการศึกษา (e-Education)5. การพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศในภาคสังคม (e-Society)และเพื่อให้เห็นถึงรูปธรรมที่ชัดเจนแห่งการกำหนดกลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้ ดิฉันจะทำการวิเคราะห์ SWOT เพื่อพิจารณาถึงจุดดี –ด้อย รวมถึงโอกาสและความเป็นได้สู่การสร้างหรือการกำหนดกลยุทธ์ (Creation of Strategy) ในการแก้ไขและพัฒนาให้ประเทศชาติไปสู่เศรษฐกิจในสังคมโลกาภิวัตน์ อย่างเป็นรูปธรรม ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ดังนี้ค่ะ1. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐ (e-Government) การปรับปรุงและพัฒนาระบบการปฏิบัติของ ภาครัฐโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสือสาร ในการจัดองค์การสมัยใหม่ เพื่อการบริหารและการบริการที่ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบบริหารภายใน (Back Office) และระบบบริการภายนอก (Front Office) เพื่อการนำ ไปสู่ Good Government โดยจัดทำแผนแม่บท และปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้องเช่นบุคลากร ระบบการบริหาร กฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆจุดแข็ง (Strengths)- เป็นระบบที่ทันสมัย- เป็นระบบที่ให้บริการได้รวดเร็ว และสามารถลดขั้นตอนต่างๆในการทำธุรกรรมต่างๆผ่านระบบออนไลน์- สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น และลดความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ (Service Mind)- สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชน เพื่อการประสานงานและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Match Maker)- สามารถตรวจสอบข้อมูลและทำธุรกรรมทางการเงิน โดยผ่านระบบธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อลดความยุ่งยากและสะดวกรวดเร็ว เป็นอีกช่องทางเลือกหนึ่งให้กับภาคประชาชนในการทำธุรกรรมต่างๆกับหน่วยงานภาครัฐ- สร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับหน่วยงานภาครัฐจุดอ่อน (Weaknesses)- เป็นระบบที่สร้างภาระในด้านงบประมาณให้กับหน่วยงานภาครัฐ การพัฒนาระบบ การบำรุงรักษาและการจ้างบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญและอื่นๆอีก- เป็นระบบที่มีความยุ่งยาก ซับซ้อนในการใช้งาน- การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานยังไม่มีความปลอดภัย- ขาดแคลนบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ- ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานกลางในการเชื่อมโยง และแปรข้อมูลระหว่างองค์กร- ยังไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม- บุคลากรของภาครัฐยังขาดความรู้และความเข้าใจในการใช้ระบบ E-Commerceโอกาส (Opportunities)- แนวโน้มการใช้บริการเกี่ยวกับระบบ On-line ในประเทศไทยมีการใช้แพร่หลายมากขึ้น- เทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบ network ต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการในปัจจุบันที่มีจำนวนมากขึ้น- ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชน หันมาสนใจในการพัฒนา และการนำระบบ on-line มาพัฒนาเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารและการเชื่อมโยงมากขึ้นอุปสรรค (Threats)- ขาดการเชื่อมโยงอันเป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกองค์กร- การติดขัดเนื่องจาก ข้อกำหนด กฎเกณฑ์ กฎหมายและนโยบายที่ซับซ้อนและขาดความชัดเจน- การโฆษณาประชาสัมพันธ์ในการใช้ระบบ e-Government ยังไม่มีความครอบคลุมและทั่วถึง ทำให้ผู้รับบริการบางกลุ่มขาดความรู้ และความเข้าใจในการใช้ระบบอย่างถูกต้อง- ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐในการพัฒนาระบบ โครงสร้างพื้นฐาน งบประมาณและบุคลากร ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ- ประชาชนยังขาดความเชื่อมั่น และความเข้าใจในการใช้ระบบ e-Government2. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการพาณิชย์ (e-Commerce) เป็นการส่งเสริมการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตหรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิมขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าภายในและระหว่างประเทศโดยการพัฒนาระบบความปลอดภัยในการชำระเงินบนเครือข่ายและเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งโครสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพจุดแข็ง (Strengths)- วิสัยทัศน์ของผู้นำและผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับ ICT มากขึ้น- ภูมิประเทศของไทยซึ่งเป็นทั้ง gateway และศูนย์กลางการค้า- มีการลงทุนนำ ICT มาใช้ในงานด้านต่างๆ มากขึ้น สามารถก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์พื้นฐาน- ศักยภาพในการขยายตัวของตลาด ICT ของไทยจุดอ่อน (Weaknesses)- ประเทศไทยยังไม่ได้ปรับกฎระเบียบ กลไกที่เกื้อหนุนการเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ (New Economy) - ขาดพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษที่จะใช้งาน ICT ได้ดี- ขาดการสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ- การขาดความสามารถและประสบการณ์ด้านการจัดการ- บริษัทไอทีของไทยยังขาดความสามารถด้านการตลาดและการหาลูกค้ารายใหญ่- ขาดหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของเครือข่ายในประเทศ- ความผันผวนของค่าเงินบาทส่งผลกระทบกับการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ- ขาดการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้บุคลากร ICT ของไทยให้ความสำคัญกับใบรับรองมาตรฐานคุณภาพโอกาส (Opportunities)- การพัฒนาด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้สินค้าและบริการไทยเข้าสู่ตลาดโลกได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง- การเปิดเผยข้อมูลด้านมาตรฐานของบริษัทข้ามชาติ- มีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนา ICT จากต่างประเทศ- ความต้องการด้านบริการโทรคมนาคมประเทศเพื่อนบ้านขยายตัว- การใช้ประโยชน์จากการรวมตัวของอาเซียน- ตลาดในประเทศใกล้เคียงมีโอกาสขยายตัวเพราะรายได้คนในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอุปสรรค์ (Threats)- การกีดกันทางการค้าในเวทีการค้าโลกด้วยมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี- ความล่าช้าในการกำหนดมาตรฐาน ICT ของโลก- ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อการถ่ายเททางวัฒนธรรมและการเงิน- ภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศในประเทศ (hacker cracker และ virus)- นโยบายประเทศเพื่อนบ้านทำให้เกิดความได้เปรียบมากกว่าประเทศไทย- การแข่งขันด้านการพัฒนา ICT ของประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้ากว่าไทย- การพัฒนาบุคลากรทางเทคโนโลยีที่มีคุณภาพได้มากขึ้นของประเทศเพื่อนบ้าน- ประเทศอื่นมีความก้าวหน้าและความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี และการตลาด- ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ มีผลกระทบต่อการกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจ ICT- นโยบายการค้าเสรีในตลาดโลก ทำให้เกิดการรุกรานทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว3. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรม (e-Industry) การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในส่วนซอฟต์แวร์ ระบบโทรคมนาคมและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้มีศักยภาพ อีกทั้ง สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนากภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมรวมถึงการสร้างบุคลากรในภาค อุตสาหกรรมจุดแข็ง (Strength)- เริ่มมีการผ่านกฎหมายด้าน ICT- ภาครัฐและเอกชนไทย ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเป็นอย่างมาก- มีหน่วยงานระดับชาติดำเนินการ/สนับสนุนนวัตกรรมด้าน ICT- คนไทยมีฝีมือประณีต ละเอียดอ่อน เป็นศักยภาพของการพัฒนาซอฟต์แวร์จุดอ่อน (Weaknesses)- การใช้จ่ายในการจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ฟุ่มเฟือย ไม่ได้ประโยชน์เต็มที่- ขาดความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กับ SME และระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน- ขาดปัจจัยต่างๆ ที่จะสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และการนำผลการวิจัยและพัฒนา ไปใช้ในเชิงพาณิชย์- การกระจายโครงข่ายโทรคมนาคมไม่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเพียงพอ- กฎหมายโดยรวมและกฎหมาย ICT ยังไม่ได้ปรับปรุงให้ครบถ้วนที่จะรองรับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี- การผลิตอาศัยวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นหลัก ขาดการส่งเสริมอุตสาหกรรมต้นน้ำ- นโยบายการลงทุน ICT ด้วยเงินร่วมทุนเบื้องต้น (Seed Money) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนยังไม่เป็นรูปธรรม- ผู้ผลิตขาดความรู้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของต่างประเทศ ขาดการประสานงานที่เป็นเครือข่ายทำให้การจัดซื้อปัจจัยต่างๆในการผลิตด้อยประสิทธิภาพ- คนไทยไม่เชื่อถือและให้การสนับสนุนคนไทยทำโครงการขนาดใหญ่- กระบวนการผลิต ICT ของไทยไม่ทันสมัย ทั้งด้านวิชาการ เครื่องมือการผลิต และขาดการให้ความสำคัญเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา- ยังมิได้จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจแข่งขันเสรีที่เป็นธรรมด้านโครงสร้างพื้นฐาน- ขาดการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้บุคลากร ICT ของไทยให้ความสำคัญกับใบรับรองมาตรฐานคุณภาพ- แหล่งเงินทุนภายในประเทศยังไม่ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนา ICT ในประเทศโอกาส (Opportunities)- การขนส่งสินค้าโดยใช้ e-logistic มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดโลก- อุตสาหกรรมการสื่อสารแบบไร้สาย และ broadband ได้รับความนิยมอย่างสูง- ผู้นำในภูมิภาคอาเซียนมีวิสัยทัศน์และเห็นความสำคัญของ ICT มากขึ้น- การเป็นพันธมิตรกับประเทศผู้นำด้าน ICT จะสร้างโอกาสในการกำหนดมาตรฐานและข้อตกลงระหว่างประเทศ- การเปิดเผยข้อมูลด้านมาตรฐานของบริษัทข้ามชาติอุปสรรค (Threats)- ความเสียเปรียบในเวทีการแข่งขันระหว่างประเทศ ของอุตสาหกรรมไทยที่ยังไม่มีความเข้มแข็ง- การเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศอินเดีย จีน ที่มีบุคลากรที่มีคุณภาพและค่าแรงต่ำ- ความล่าช้าในการกำหนดมาตรฐาน ICT ของโลก4. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการศึกษา (e-Education) เป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความรู้ ความสามารถในทุกระดับชั้น โดยเปิดโอกาสทางการเรียนรู้และส่งเสริมสนับสนุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศ เครือข่ายการศึกษาและการสร้างฐานความรู้อีกทั้งยกระดับครูให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเตรียมความพร้อม ในการแข่งขันโลกปัจจุบันจุดแข็ง (Strengths)- การขยายตัวของผู้ประกอบการ- การจัดตั้ง CIO ของภาครัฐ- ความตื่นตัวด้าน ITเพิ่มขึ้น- การผลิตบุคลากร ITสายอาชีวศึกษา- โครงสร้างพื้นฐานกายภาพที่ดี- การพัฒนาโครงสร้างและหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน- มีจำนวนผู้จบการการศึกษาระดับอาชีวศึกษามาก สามารถเป็นพื้นฐานผู้ใช้ ICT ที่มีคุณภาพจุดอ่อน (Weaknesses)- ความไม่เท่าเทียมกันของการกระจายโครงสร้างพื้นฐานสู่ชนบท- ขาดข้อมูลและการบริหารจัดการฐานข้อมูล- ความซ้ำ ซ้อนในการบริหารการลงทุน- ขาดการประสานงานภาครัฐ- ขาดการสนับสนุนด้านการตลาดจากภาครัฐ- ขาดแคลนบุคลากรทักษะสูง- ขาดกลไกการฝึกอบรมและหลักสูตรต่อเนื่อง- หลักสูตร วิธีการเรียนการสอน ยังไม่สนับสนุนให้เกิดการค้นคิดที่เอื้อต่อการวิจัยและพัฒนา- พื้นฐานการศึกษาโดยเฉลี่ยของประชากรค่อนข้างต่ำ- อัตราของคุณวุฒิอาจารย์ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และเอกไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา- การเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ บุคลากรสายวิชาชีพในการพัฒนาเป็นผู้ชำนาญการ ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย- ขาดแคลนเครื่องมือ ที่ทันสมัยและห้องปฏิบัติการมาตรฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี- ระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการยังขาดความเชื่อมโยงและยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโอกาส (Opportunities)- การขยายตัวทางเศรษฐกิจ แบบ Knowledge-Based Economyทำให้เกิดความต้องการบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในวิชาชีพสูงโดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี- นโยบายภาครัฐต้องการสนับสนุนผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืน ส่งผลให้สถานศึกษาต้องเข้าไปมีบทบาทในการสนับสนุนช่วยเหลือ- ทัศนคติที่ดีของผู้นำ ต่อ ICT- มีนโยบายและมาตรการ ICTที่ชัดเจนอุปสรรค (Threats)- การจัดการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำเป็นต้องมีอุปกรณ์และห้องปฏิบัติการที่เพียงพอและมีมาตรฐาน- นโยบายการปรับลดของงบประมาณและภาวะวิกฤตเศรษฐกิจทำให้การพัฒนาและบำรุงรักษาอุปกรณ์และห้องปฏิบัติการ- ขาดความต่อเนื่องและไม่ได้มาตรฐานทางการศึกษา- นโยบายการปรับลดอัตรากำลังคนภาครัฐมีผลต่อการพัฒนาการศึกษา- ความเข้าใจต่อประโยชน์ ICTทั่วไปยังน้อย- หลักสูตรการศึกษาไม่เอื้อต่อทักษะ R&D- ขาดนโยบายสนับสนุน R&D- พื้นฐานการศึกษาของประชาชนอยู่ในระดับต่ำ5. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคสังคม (e-Society) เพื่อให้ประชากรมีความเท่าเทียมในการเข้าถึงสารสนเทศและเมขีดความสามารถในการเรียนรู้ของชุมชน ส่งเสริมการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสม จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 และกรอบนโยบาย IT-2010 นำมาสู่แผนแม่บทการ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545-2549 เป็นแผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี โดย ศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติกับคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและได้รับความเห็น ชอบจากคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในฐานะที่ผู้เขียนคลุกคลีอยู่ในวง การเทคโนโลยีก็ต้องขอแสดงความยินดีกับแผนแม่บทฉบับนี้โดยเฉพาะคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องเพราะมันเป็นแผน แม่บทที่กำหนดทิศทางในการพัฒนาปะรเทศ และกลยุทธ์ทั้ง 5 ด้านก็สอดคล้องกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น เราจำเป็นต้อง เตรียมความพร้อมและมีแผนรองรับ ประการสำคัญเทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นกลไกในการผลักดันให้ระบบการบรหาร และบริการขององค์การมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและบทบาทของประเทศไทยเวทีโลก แหล่งอ้างอิงจุดแข็ง (Strengths)- ภาครัฐและเอกชนไทย ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศเป็นอย่างมาก- มีหน่วยงานระดับชาติดำเนินการ/สนับสนุนนวัตกรรมด้าน ICT- มีการลงทุนนำ ICT มาใช้ในงานด้านต่างๆ มากขึ้น สามารถก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์พื้นฐานจุดอ่อน (Weaknesses)- การกระจายโครงข่ายโทรคมนาคมไม่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพเพียงพอ- ข้อจำกัดด้านงบประมาณภาครัฐ- ขาดกลไกการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง- ยังมิได้จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจแข่งขันเสรีที่เป็นธรรมด้านโครงสร้างพื้นฐาน- แหล่งเงินทุนภายในประเทศยังไม่ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนา ICT ในประเทศโอกาส (Opportunities)- ผู้นำมีวิสัยทัศน์และเห็นความสำคัญของ ICT มากขึ้น- เริ่มมีการผ่านกฎหมายด้าน ICT- การพัฒนาประเทศไปสู่ knowledge-based society/economy (KBS/KBE)- การเป็นสังคมเปิดของประเทศไทยอุปสรรค (Threats)- การจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับ ICT ไม่ตรงตามความต้องการใช้งาน และขาดทิศทางที่ชัดเจน- ข้อจำกัดด้านงบประมาณภาครัฐ- ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจและคุ้นเคยต่อ ICTการกำหนดกลยุทธ์ (Strategies)เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม ICT สู่ความเป็นเลิศในภูมิภาค1. พัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โดยความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน2. สร้างกลไกกระตุ้นการพัฒนา ICT3. พัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ผลิตจากผู้ประกอบการในประเทศโดยใช้ตลาดภาครัฐเป็นตัวนำ4. พัฒนาระบบติดตามผลการทำงานของ SIPA (สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ)5. จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาบุคลากร ICT6. พัฒนาทักษะผู้ประกอบการและผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไทย7. พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการซอฟต์แวร์8. สนับสนุนให้มีศูนย์ทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์ICT9. สนับสนุนภาคเอกชนลงทุนในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ต่อเนื่องซอฟต์แวร์10. เร่งรัดการยกร่างกฎหมาย ICTใช้ ICT เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไทย1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายโทรคมนาคม2. ให้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน3. ใช้ประโยชน์จาก ICT เพื่อพัฒนาการศึกษา การเรียนการสอน4. ส่งเสริมการแปลหนังสือ เอกสาร จากภาษาต่างประเทศ5. ส่งเสริมการพัฒนาข้อมูลและความรู้ในการครองชีพและยกระดับคุณภาพสังคมของชุมชน6. ส่งเสริมบทบาทสื่อมวลชนในการเผยแพร่ความรู้ด้าน ICT7. ส่งเสริมให้องค์กรส่วนท้องถิ่นใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน8. พัฒนาและเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์9. สร้างความเชื่อมั่นต่อการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ปฏิรูปและสร้างศักยภาพการวิจัยและพัฒนา ICT1.กำหนดนโยบายปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อพัฒนาหลักสูตรและแนวทางการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการคิดเชิงวิทยาศาสตร์2. สร้างแรงจูงใจให้บุคลากรสนใจที่จะประกอบอาชีพวิจัย3. ให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินร่วมทุนเบื้องต้น (seed money) เพื่อสนับสนุนและจูงใจให้มีการลงทุน R&D ใน ICT4. กำหนดกลยุทธ์การส่งเสริม R&D ด้าน ICT ของไทย5. สนับสนุนการวิจัยคนคว้าเพื่อให้เกิดผลผลิตที่สามารถประยุกต์เป็นอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์6. จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการ7. การติดตามรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลด้าน ICT เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนายกระดับศักยภาพพื้นฐานของสังคมไทยเพื่อการแข่งขันในอนาคต1. สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของ ICT ผ่านทางเครือข่ายสถาบันการศึกษาของทุกภูมิภาคและชุมชน2. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนผลิตอุปกรณ์ ICT ที่มีคุณภาพและราคาประหยัด3. กระตุ้นให้สาธารณชนในวงกว้างเกิดความสนใจใน ICTและกิจกรรมอิเล็กทรอนิกส์4. พัฒนาบุคลากรในวิชาชีพอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนา ICT โดยทั่วไปพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เพื่อมุ่งขยายตลาดต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้น1. ทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา2. ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมนำ ICT มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม3. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงานสำหรับการขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศ4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้broadband internetส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมให้ใช้ ICT เพิ่มขึ้น1. จัดให้มีกลไก วิธีการถ่ายทอดและดูดซับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเหมาะสมให้แก่SMEs2. สร้างแรงจูงใจให้เกิดกลุ่มพันธมิตร SMEs เพื่อจะร่วมกันนำ ICT ทั้งระบบมาใช้ประโยชน์ในการบริหารการจัดการธุรกิจ3. เร่งส่งเสริมและพัฒนา e-Business4. นำ ICT มาช่วยในการจัดการจัดการการทำธุรกิจ การสื่อสาร โดยเฉพาะการใช้supply chain management ในภาคอุตสาหกรรม5. พัฒนาผู้ประกอบการให้มีความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ของการนำICT ที่เกิดจากอุตสาหกรรมภายในประเทศมาใช้ในธุรกิจ6. จัดทำฐานข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อการวางแผนและการให้บริการ7. พัฒนา SMEs Portal เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการ8. เสริมสร้างให้เกิดความเป็น entrepreneurshipนำ ICT มาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการและการให้บริการของภาครัฐ1. ให้มีกระทรวงที่รับผิดชอบการวางแผน ส่งเสริม พัฒนา และดำเนินการด้าน ICT ของประเทศไทย2. ปฏิรูปการบริหารและการจัดการของหน่วยงานภาครัฐ โดยจัดตั้งโครงสร้างส่วนงานสนับสนุน CIO ปรับกฎระเบียบและวิธีบริหารราชการเพื่อใช้ประโยชน์จาก ICT และจัดสรรงบประมาณในการพัฒนา ICT อย่างมีประสิทธิภาพ3. พัฒนาฐานข้อมูลภาครัฐโดยกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวกับข้อมูลและการสื่อสารข้อมูล เพื่อให้ทุกหน่วยงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างมีเอกภาพ4. จัดให้มีระบบข้อมูลภูมิสารสนเทศ (GIS) เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การบริหารจัดการทรัพยากร และการป้องกันภัยพิบัติ5. บริหารการใช้โครงข่ายสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัย6. พัฒนาบุคลากรภาครัฐ ทั้งด้าน ICT และด้านอื่นๆ รวมถึงการจัดตั้งสถาบัน e-Government สำหรับการพัฒนาความรู้ความสามารถด้าน ICT7. พัฒนาระบบการติดตามประเมินผลเพื่อประเมินผลสำเร็จและวิเคราะห์ปัญหาการพัฒนา ICT ของประเทศในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่เรียกว่า "Digital Economy" ความสำคัญของ ICT มีผลต่อการพัฒนาประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง สังเกตจากประเทศสิงคโปร์ที่เน้นการนำ ICT มาเป็นอาวุธพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ ในเมืองไทยก็มีคนสนใจความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศค่อนข้างมาก ทั้งคนไอทีเอง และคนที่เราเรียกว่า Non-IT ที่ไม่ได้จบมาทางไอทีโดยตรง แต่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพโดยหันมาทำงานด้านไอที เพื่อให้เข้ากับยุค Digital Economy ดังนั้น ภาครัฐจึงควรให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม โดยให้มีการฝึกอบรมด้านไอทีต่างๆ และเร่งดำเนินการจัดทำกลยุทธ์เพื่อให้แผน IT 2010 ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ อันจะช่วยให้การพัฒนาประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริงประเด็นประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อบทบาทของผู้นำในยุคใหม่กล่าวได้ดังนี้จากการวิเคราะห์ SWOT ข้างต้นแล้วนั้นทำให้เราทราบถึงประโยชน์ รวมถึงความเป็นไปได้แห่งการพัฒนาสารสนเทศที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ดังนั้นผู้นำในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบที่จะนำมวลชนแห่งองค์กรที่ตนรับผิดชอบนั้นฝ่าวิกฤต อุปสรรค ให้ข้ามผ่านถึงวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับจากสิ่งเหล่านี้มีอยู่มากมายนัก โดยอาจสรุปได้ดังนี้ค่ะ1.ช่วยในการกำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดยุทธศาสตร์ กำหนดภาระกิจ และการวางแผนการปฏิบัติงานที่ที่สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่สลับซับซ้อนมากมายในปัจจุบัน2 . ช่วยในการตัดสินใจที่จะต้องเลือกแนวทางหรือทางเลือกที่มีที่น่าจะให้ผลลัพธ์ดีสุดและมีปัญหาน้อยที่สุด ตลอดจนสามารถพยากรณ์สถานการณ์และปัญหาได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ อีกทั้งเมื่อหากมีปัญหาเกิดขึ้นจริงก็สามารถใช้สารสนเทศที่สมบูรณ์ ทันสมัย และครบถ้วนมาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างฉับไวและทันการณ์3. ช่วยในการดำเนินการ ควบคุมหรือติดตามผลการปฏิบัติงานซึ่งควรจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์และแผนงานต่าง ๆ ขององค์กรที่ผู้นำรับผิดชอบอยู่ประเด็นประโยชน์ของระบบสารสนเทศสำหรับประชาชนและประเทศชาติ กล่าวสรุปได้ดังนี้1. จะมีส่วนในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทำให้ความเป็นอยู่สะดวกสบายขึ้นเช่นในกรณีใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้าน2. ช่วยทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว มีประสิทธิภาพสูง3. ช่วยสร้างและกระจายโอกาสในการสร้างความเท่าเทียมกันในสังคมผู้อยู่ในถิ่นกันดารก็มีโอกาสเหมือนคนที่อยู่อาศัยในเมือง อาจจะเรียนรู้หรือรับทราบข่าวคราวได้อย่างรวดเร็ว4. ทำให้การอบรมมีประสิทธิภาพด้วยอุปกรณ์ประกอบการอบรมอย่างเช่น วีดีทัศน์ เครื่องฉายภาย คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การคำนวณ การออกแบบต่างๆ5. ช่วยในการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลที่เรียกว่า โทรมาตร6. ช่วยในการป้องกันประเทศในแง่การป้องกันภัย การเฝ้าระวัง และตอบโต้การโจมตีจากข้าศึก7. ช่วยในการผลิตในอุตสาหกรรมและการพาณิชยกรรม ช่วยประหยัดทรัพยากร ทำให้ต้นทุนในผลิตต่ำลงได้ง่ายขึ้น และสามารถทำให้การสั่งซื้อและส่งมอบสินค้าเป็นได้ง่ายและสะดวก8. สารสนเทศอาจจะนำไปบูรณาการกับเทคโนโลยี่ด้านอื่น ๆ ได้อีกมาก เช่นกับนาโนเทคโนโลยี่ เพื่อผลิตสินค้าขนาดจิ๋วซึ่งต้องอาศัยความละเอียดละออและแม่นยำ การทำพืชและสัตว์จีเอ็มโอที่จะมีคุณภาพตามวัตถุประสงค์จำเพาะด้านเคมีและยา หรือการขยายพันธุ์ที่ต้องการจำนวนมาก ๆ ในเวลาอันสั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น